“ชันโรงไม่ใช่ผึ้ง แล้วทำไมเราเรียกน้ำหวานจากชันโรงว่า “น้ำผึ้งชันโรง” แต่ทำไมไม่เรียก “น้ำชันโรง” หรือ “น้ำหวานชันโรง” กันน้า?🤔🤔
ในการสื่อสารทั่วไป ณ ปัจจุบัน เรามักจะเรียกชันโรงว่า “ผึ้งชันโรง” และน้ำหวานที่ได้จากพากเขาว่า “น้ำผึ้งชันโรง” แต่ในทางวิทยาศาสตร์ ผึ้งและชันโรงถูกแบ่งแยกเป็นคนละสกุล(genus) และพฤติกรรมการสร้างรัง หน้าตา ล้วนแตกต่างกันอย่างชัดเจน รวมถึงการที่ชันโรงไม่มีเหล็กในต่อยใครไม่ได้ด้วยเช่นกัน 😊
พอมาถึงตรงนี้หลายคนอาจจะมีคำถามว่า แล้วทำไมเราถึงเรียกพากเขาว่าผึ้งชันโรงอยู่ และน้ำหวานก็ยังเรียกว่าน้ำผึ้ง มันเป็นการเข้าใจผิดอะไรหรือเปล่า? #ติ๊กต่อกติ๊กต่อกติ๊กต่อก🤔
.
.
.
.
และคำตอบนั้นก็คือ ไม่ผิดคร้าบบบ🎉🎉
เพราะถึงแม้ว่าจะคนละspecie คนละสกุล(genus) แต่ทั้งผึ้งและชันโรงมีอีกหลายอย่างที่คล้ายกันจนถูกจัดอยู่ในวงศ์(family) Apidae เหมือนกัน ถึงแม้จะต่างสกุลก็ตาม วิธีการเก็บน้ำหวานและเกสรจากพืชนั้นไม่ต่างกันเลย โดยที่ทั้งผึ้งและชันโรง จะเก็บเกสรไว้ที่ปลายขาและเก็บน้ำหวานไว้ในกระเพาะ ก่อนจะไปใส่สะสมไว้ในรัง ดังนั้นเราจึงสามารถเรียกน้ำหวานที่ถูกแปรรูปและจัดเก็บโดยชันโรงได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่า “น้ำผึ้งชันโรง” เพราะพวกเขาก็เป็นญาติๆกันนี่เอง🥰
นอกจากนั้นแล้วชื่อสากลของชันโรง ยังถูกเรียกว่า “Stingless Bee” ซึ่งแปลว่าผึ้งที่ไม่มีเหล็กในอีกด้วย จึงไม่ผิดที่เราจะใช้คำว่า “ผึ้งชันโรง” หรือ “ชันโรง”แบบใดก็ได้ตามสะดวก แต่ด้วยความที่คล้ายกันเกินไปของน้ำผึ้ง ทำให้เราเรียกน้ำผึ้งชันโรงว่าน้ำผึ้งเหมือนกัน ไม่ต้องเรียก น้ำชันโรง ให้ดูตลกและยุ่งยาก #แต่ถ้าอยากเรียกก็ไม่ว่ากัน🤣 และถึงแม้น้ำผึ้งชันโรงจะมีความคล้ายน้ำผึ้งจากผึ้งทั่วไป(honey bee) มันก็หาได้เหมือนกันไม่ เราสามารถแบ่งแยกชนิดของน้ำผึ้งได้ไม่ยากมาก จากความอมเปรี้ยวที่มาจากกรดที่มากกว่าในผึ้งชันโรงที่มาพร้อมกับกลิ่นหอมอ่อนๆจากชันที่บ่มเก็บน้ำผึ้งเอาไว้ เป็นการถนอมอาหารด้วยวิธีที่ต่างจากผึ้งเล็กน้อย #ซึ่งเราจะมาเล่าในบทความต่อไปจ้า🎉
.
สรุปแบบง่ายๆก็คือเรียกน้ำผึ้งต่อไปเถอะครับ เพราะมันก็คือน้ำหวานที่ถูกดูดกลืนเข้าไปและคายออกมาเก็บไว้ให้เราได้แบ่งมาทานเหมือนกัน (แบบนี้จะฟังดูน่าทานน้อยลงไหมเนี่ย เหอะๆ 😫😫)แต่น้ำผึ้งดีๆ รสชาติหอมหวานหลากหลายคุ้มค่าที่จะลองจริงๆ ครับ
.
เพราะเราดูแลธรรมชาติ ธรรมชาติจึงมอบสิ่งดีๆ มาให้เรา และเราส่งต่อให้คุณครับ🐝
