Somdul Is All Around

Activity Space

Somdul Is All Around

นี่คือพื้นที่ของการแบ่งปันเรื่องราวการเดินทางไปยังที่ต่างๆ ที่เราได้ไปสังเกตการณ์ ศึกษาหาความรู้ และแลกเปลี่ยนเรื่องราวดีๆ เพื่อนำมาต่อยอดในการสร้างจิตสำนึก ตระหนักถึงความสำคัญของสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติ ในสไตล์ของพวกเราชาว “สมดุล” ที่เน้นความเป็นกันเอง ง่ายแก่การเข้าใจ และมีเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ แต่ครื้นเครงตลอดทั้งการเดินทางแน่นอนคือ “ความยั่งยืนของธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม”

 

หอมหวานเหมือนรับประทานบิสกิตสอดไส้แยมผลไม้ บางๆ จุ่มชอคโกแลต ทิ้งท้ายได้หวานแบบน้ำตาลอ้อย ลากยาวๆ จนถึงอาฟเตอร์เทส บอดี้ปานกลาง พอสนุกสนาน ได้อรรถรส”

 

จริงๆ เป็นเรื่องปกติในทุกๆ ปีที่เราจะแพ็คกระเป๋าเดินทางขึ้นไร่กาแฟที่เราใช้บริการอยู่เป็นประจำในฤดูช่วงเก็บเกี่ยว และการทำ Process (ช่วงเดือนมกราคม – เดือนมีนาคม) เพื่อร่วมทดลองร่วมกับเกษตรกรใน Process ใหม่ๆ หรือตรวจสอบคุณภาพ ถามถึงปัญหาของกาแฟในครอปแต่ละปี ที่ก็จะมีเรื่องราวมาเล่าสู่กันฟัง แบ่งปันโมเมนต์ดีๆ แชร์ปัญหา และหาทางออกร่วมกันโดยให้เกิดความเสียหายน้อยที่สุด และกระทบกับสิ่งแวดล้อมให้น้อยที่สุด ไปจนถึงไม่เบียดเบียนสิ่งแวดล้อม แต่ในช่วงขวบปีให้หลัง เรามีเว้นไปบ้าง เนื่องด้วยสถานการณ์ Covid-19 อย่างที่เราทราบกัน

 

เพื่อนร่วมทริปของเราครั้งนี้ประกอบไปด้วย

อาจารย์นิวัตร์ บรรจบพุดซา –  “ Q Arabica Grader” อาจารย์ที่พวกเราเคารพรัก เปิดคอร์สสอนเรื่อง Sensory ทักษะในการชิมกาแฟทั้งเบื้องต้นพื้นฐาน และระดับ “Pre Q Arabica Grader” ในนาม Facebook Fanpage “SIXSENSE”

พี่โม่ง – วิทยา ไพศาลศักดิ์ อดีตผู้อำนวยการส่วนประสานงานโครงการภาคเหนือ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช (เจ้าของทริปตัวจริง ผู้ประสานงานให้เราทั้งหมดเลยครับ)

อาจารย์แอ๋ว – รองศาสตราจารย์ ดร. อรวรรณ ดวงภักดี อาจารย์ และหัวหน้าทีมศูนย์วิจัยผึ้งพื้นเมือง และแมลงผสมเกสร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี จังหวัดราชบุรี

 

เราเริ่มทริปด้วยการขับรถ road tripขึ้นไปตามหาคนรักเก่า เย้ยยย❗️ไม่ใช่ๆๆ ขึ้นไปนอนพักคืนแรกที่อุทยานแห่งชาติดอยภูคา จังหวัดน่าน ชาร์ตแบตกันสักหนึ่งคืน และทำให้ร่างกายคุ้นชินอากาศหนาวสักหน่อย อากาศดีๆ หนาวถึงใจ วิวต้นไม้ร่มรื่น ช่วยซับความเหนื่อยทางใจได้ดีนักเชียว

อีกสิ่งที่เราประทับใจในการพักที่นี่คือ ไข่ต้ม, ไข่ลวก ที่รับประทานคู่กับข้าวต้มตอนเช้าคือสุดมาก ดีงามจนต้องแบ่งปัน ไข่ทุกฟอง ทุกลูก ล้วนสุกเท่ากัน texture เหมือนกันไม่มีผิดแยก ไข่แดงหวานมัน ไม่มีคาว (ผู้เขียนจัดไป4ฟองอะ คิดเอา❗️)

พวกเราลืมเก็บภาพบรรยากาศอุทยานแห่งชาติดอยภูคา ที่พักคืนแรก เราจึงฝากภาพบรรยากาศจุดชมวิว “1715”  ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1256 (ปัว – บ่อเกลือ) บนดอยภูคาแทนแล้วกัน อย่างฟิน!

 

จากนั้นเราเดินทางไปไร่กาแฟแห่งแรกของทริปนี้ ที่ บ้านห้วยขวาก อ.บ่อเกลือ จังหวัดน่าน หากท่านอ่านจบ แล้วอยากเดินทางขึ้นไปแบบเราบ้าง เราแนะนำรถขับเคลื่อน 4ล้อ จะสะดวกที่สุด❗️ สำหรับการเดินทาง เพราะมันทั้งชัน ทั้งสูง และลื่นไม่ใช่เล่นๆ  เพื่อมาพบกับ “กลุ่มกาแฟยั่งยืนบ้านห้วยขวาก”

“สมดุล” มาเยือนจ้า

 

เกษตรกรที่ปลูกกาแฟที่นี่ล้วนเป็น “ชนเผ่าลัวะ” มีทั้งหมด 18 ครอบครัวใหญ่ ที่ทำไร่กาแฟในพื้นที่ป่าบ้านห้วยขวาก แบ่งออกเป็นทั้งหมด 58 แปลง (ข้อมูลอัพเดทล่าสุด วันที่ 20 มกราคม 2565) พันธุ์กาแฟที่ปลูกทั้งหมด เป็นอาราบิก้า “สายพันธุ์คาติมอร์” เกือบทั้งหมด 100% เมล็ดที่นี่สุกค่อนข้างช้ากว่าที่อื่น เนื่องด้วยปลูกใต้ร่มเงา (Shade-Grown) เกือบทั้งหมด ทำให้เมล็ดสะสมสารอาหารได้เต็มที่ก่อนที่จะสุก พร้อมเก็บผลผลิต ต่างจากการปลูกกาแฟในที่กลางแจ้ง แม้จะได้ผลผลิตเร็ว กาแฟสุกไว แต่คุณภาพในเชิงรสชาติกลับมีน้อยกว่า จนอาจจะลามไปถึง Defect  ข้อบกพร่องในผลผลิต เพราะผลกาแฟที่ได้สุกก่อนที่จะมีสารอาหารเพียงพอ รวมไปถึงศัตรูพืชต้นกาแฟที่จะพบได้เยอะกว่า การปลูกกาแฟใต้ร่มเงา


นี่แหละ “Shade-Grown Coffee”

เมล็ดสุกแดงก่ำ ในร่มเงาไม้ การันตีความหวานฉ่ำ จนเบาหวานขึ้น (เกินไปๆ)

 

แม้จะอยู่บนความสูงประมาณ 1200 – 1500 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล และสเกลทางที่ชัน มีความยากลำบากในการเดินทาง ชาวสวนที่นี่ก็ยังเลือกวิธีการเดินเท้าขึ้นสวนไปเก็บผลผลิตด้วยมือเปล่า (Hand-Picked) คัดเฉพาะลูกแดงสุกจัดเสมอ เพื่อควบคุมผลผลิตให้เกิดข้อผิดพลาดให้น้อยที่สุด และต้นกาแฟมีอายุยืน แข็งแรงยิ่งขึ้น หากเราเก็บถูกวิธี ยิ่งถ้าสวนไหนวัดค่าน้ำตาลเฉลี่ยได้ 22 บริกซ์ขึ้นไป ก็จะนำมาทำกาแฟเกรดพิเศษ (Specialty Coffee) บางท่านที่เป็น Coffee Lover อาจจะเคยเห็นผ่านตามาบ้างกับกาแฟ “บ้านห้วยขวาก Semi – Carbonic Maceration LTLH Process” โพรเซสอลังการงานสร้าง ที่ต้องใช้หลักการวิทยาศาสตร์เข้ามาควบคุมตัวแปรทุกอย่าง ในการหมักและดูแลเรื่องจุลินทรีย์ โดย Processor “พี่โม่ง” หัวหน้าทริปของเรานี่แหละ (ไว้มีโอกาสจะมาลงรายละเอียดให้ฟัง ถึงกระบวนการ Process ข้างต้น และที่มาของมันจ้า)


ตัวอย่างความทรมานขา เมื่อต้องเดินขึ้นๆ ลงๆ สเกลชันประมาณนี้ ตลอดระยะทาง 7 กิโลเมตร

จากความสูงเหนือระดับน้ำทะเล 1,300 – 1,400 เมตร

 

ลุงทร และ พี่เพียร” คือเกษตรกรสองท่าน ที่เราได้มีโอกาสคุยขณะเดินดูไร่กาแฟ ทั้งสองท่านบอกตรงกันคือที่นี่ปลูกแบบไม่ใช่สารเคมี❗️ มีการใช้ปุ๋ยหมักอินทรีย์ และเติมขี้วัวบ้างตามโอกาส รวมถึงใช้พวกชีวภัณฑ์ที่ป้องกันศัตรูต้นกาแฟได้ ในวิถีเกษตรอินทรีย์ อาทิ เชื้อราบิวเวอร์เรีย ไล่พวกแมลง เพลี้ย, เป็นต้น การทำกาแฟเชิงคุณภาพสามารถเลี้ยงชีพได้ และดีใจที่มีคนเห็นคุณค่าในสิ่งที่พวกเชาทำ แต่ปกติไม่ค่อยมีใครขึ้นมาหาพวกเขาหรอก นอกจาก “พี่โม่ง” ที่ขึ้นมาทำงานบ้าง ตรวจสอบคุณภาพต้นกาแฟ และสิ่งแวดล้อมข้างเคียงบ้าง ดูเรื่องการล่าสัตว์ป่าคุ้มครองบ้าง แล้วแต่โอกาส เพราะที่นี่มันเดินทางขึ้นมาไม่ง่ายเลย

หากเก็บให้ถูกต้อง ดูแลต้นอย่างดี ไม่ใช้สารเคมี ต้นกาแฟต้นนี้มีอายุได้ถึง 60-70 ปี

 

 

 

หอมหวานเหมือนรับประทานบิสกิตสอดไส้แยมผลไม้ บางๆ จุ่มชอคโกแลต ทิ้งท้ายได้หวานแบบน้ำตาลอ้อย ทิ้งยาวๆ จนถึงอาฟเตอร์เทส บอดี้ปานกลาง พอสนุกสนาน ได้อรรถรส” 

จากพารากราฟข้างต้นที่เราได้เกริ่นเอาไว้ก่อน นี่คือรสชาติของการดูแลต้นกาแฟและ ป่าไม้มาเป็นอย่างดี มันคือสิ่งที่เราพบเจอในกาแฟบ้านห้วยขวาก Wash Process ก่อนที่เราจะขึ้นไปเจอต้นกาแฟจริงๆ “เราดูแลธรรมชาติ เพื่อให้ธรรมชาติดูแลเรา” ใช้ได้จริงเสมอ กับความอุดมสมบูรณ์ในแง่ของคุณภาพ และความเป็นอยู่ของคนกับสิ่งแวดล้อม

มันช่างสมดุลซะเหลือเกิน” ขอ Tie In ซะหน่อย

 

จริงๆแล้ว ก่อนจะแยกย้ายกันไปกับบทความนี้ เรามีอีก Hidden Agenda ที่ซ่อนอยู่ คือมาสนับสนุนให้เกษตรกรไร่กาแฟลองเลี้ยง “ชันโรง” เพื่อทดลองดูการซัพพอร์ตของสิ่งแวดล้อมโดยรอบว่า จะมีการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางใดบ้าง หากมีการนำ “เจ้านักผสมเกสรตัวจิ๋ว” มาช่วยเพิ่มผลผลิต และนิสัยเขาไม่ก้าวร้าวจนรบกวนสิ่งมีชีวิตเดิมในท้องถิ่น อีกทั้งเกษตรกรกาแฟส่วนมาก มักมีการเลี้ยงผึ้งอยู่แล้ว แต่ผึ้งส่วนใหญ่ที่พบเจอได้ง่าย เลี้ยงดูไม่ยากเกินไป คือ “ผึ้งโพรง”  แต่เรื่องคุณค่าทางสารอาหาร, ความหลากหลายทางรสชาติ และมูลค่าในตลาดน้ำผึ้ง น้ำผึ้งชันโรงตอบโจทย์ได้ดีกว่า มีความอันตรายน้อยกว่า เพราะพวกเขาไม่มีเหล็กในเหมือนผึ้งชนิดอื่น รวมไปถึงเป็นดัชนีชี้วัดความเป็นอินทรีย์ในพื้นที่ได้อย่างดีอีกด้วย


อุ้ย นี่กล่องอะไรกันนะ

 

นี่พึ่ง Check Point แรกเองนะ ไว้กลับมาลุยกันต่อ เราไม่ได้เดินทางมาแค่ที่นี่ที่เดียวนะ ยังมีอะไรสนุกๆ รอให้ทุกท่านติดตามอีกแน่นอนจ้า

กิจกรรมอื่นๆ