ในมุมของผู้บริโภคกาแฟทั่วๆไป เรามักจะได้เห็นภาพอุตสาหกรรมกาแฟชัดยิ่งขึ้นในช่วงสิ้นปีไปจนถึงช่วงต้นปี ที่เราจะเริ่มเห็นการเริ่มเก็บผลผลิต ไปจนถึงการทำ Process ต่างๆ เรียกได้ว่า ใช้พลังและความตั้งใจมหาศาลมาก กว่าจะผ่านช่วงเวลา สภาพแวดล้อมที่แปรเปลี่ยนต่างๆ จนได้กาแฟสักจิบในแก้วของคุณ แต่จริงๆ แล้ว มันยังมีอีกหลายกิจกรรมอีกมากครับ ที่คอกาแฟหลายๆ ท่านอาจจะไม่ได้มีโอกาสไปสัมผัสด้วยตัวเอง ว่าจริงๆ แล้ว ชาวสวนกาแฟ เขาอุทิศเวลาให้เต็มๆ ทั้งปีเพื่อจะสร้างโมเมนต์กาแฟดีๆให้คุณตรงหน้าในช่วงเวลาเพียงไม่กี่นาที☕️❤️
เรากำลังจะพาคุณขึ้นไปดูอีกแง่มุมของเกษตรกรกาแฟในช่วงที่เก็บเกี่ยวผลผลิตเสร็จหมดแล้ว ฤดูหนาวหมดไป แทนวันใหม่ด้วยทอแสงที่เพิ่มดีกรีอุณหภูมิในช่วงวัน แสดงถึงการเริ่มก้าวเข้าสู่ฤดูร้อน กลิ่นดอกกาแฟเริ่มขจรไปทั่วทุกมุมสวน สร้างรอยยิ้มอ่อนๆ ให้กับทีมงานทุกท่านที่กำลังเดินทางขึ้นมาที่ “บ้านห้วยตอง อำเภอกัลยาณิวัฒนา จังหวัดเชียงใหม่” เพื่อมายังไร่กาแฟของ “พี่แสนชัย จูเปาะ” หนึ่งในเกษตรกรกาแฟมือรางวัลที่หลายท่านน่าจะรู้จักกันดี กับกิจกรรม “School Salon 2022”
ชื่อกิจกรรมขึ้นมาแบบนี้ แน่นอนว่าต้องจัดโดย “School Coffee” อย่างแน่นอน จุดมุ่งหมายของกิจกรรม Private นี้คือการเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะอยู่ในห่วงไหนของอุตสาหกรรมกาแฟ และเป็นผู้ที่สนใจในการสนับสนุนกาแฟอย่างยั่งยืน (Shade-Grown Coffee) มาร่วมอาสากันแก้ปัญหาเรื่องมอดเจาะผลกาแฟ ศัตรูตัวร้ายที่ทำลายผลกาแฟไปร่วม 50% ของผลผลิตประจำปี โดยใช้หลักการชีวภาพ ไม่ใช้สารเคมี รวมไปถึงการตัดแต่งกิ่งต้นกาแฟ เพื่อให้เขาได้มีอายุยืนนานขึ้น สุขภาพแข็งแรงตามธรรมชาติ ซึ่งจะเป็นหมุดสำคัญในการสร้างความมั่นใจให้เกษตรกรกาแฟหลายๆท่าน ว่าเรามาถูกทางแล้วในการพัฒนากาแฟอย่างยั่งยืน
ขอรูปหมู เอ้ย รูปหมู่หน่อยจ้า
เริ่มออกเดินทางกันที่ร้าน “สุขพอดี Simply Happy” ตั้งแต่เช้า รันด้วยปาท่องโก๋ + กาแฟดริป ก็ได้สักหนึ่งยิ้มพอดี ต่อด้วยการนั่งรถขึ้นเขายาวๆ ร่วมสามชั่วโมงครึ่ง ก่อนที่จะถึง “แสนชัย Estate” บ้านพี่แสนชัย ที่ อ.กัลยาณิวัฒนา จ.เชียงใหม่ และเป็นลาน Process ของกาแฟพี่แสนชัยอีกด้วย
อาจารย์กล้วย ร้าน Junction ราชบุรี แอบเอาปาท่องโก๋ผู้เขียนไปไหนนน
อำเภอกัลยาณิวัฒนา ถือเป็นอำเภอน้องใหม่ของจังหวัดเชียงใหม่ เพิ่มเริ่มก่อตั้งเมื่อ พ.ศ. 2552 จากการแยกพื้นที่การปกครองส่วนหนึ่งออกมาจากอำเภอแม่แจ่ม เพื่อสะดวกในการบริหารการจัดการพื้นที่ได้สะดวกขึ้นจากปัญหาการสัญจร การคมนาคมที่เป็นไปอย่างยากลำบาก เพราะมีภูมิประเทศเป็นภูเขาสูงชัน อุดมสมบูรณ์ด้วยป่าไม้ ความสูงโดยเฉลี่ย 1,200 – 1,400 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล
พื้นที่แรกที่เราเริ่มทำงานกันคือ “บ้านห้วยตอง” จ.แม่ฮ่องสอน (อยู่ติดกับกัลยาณิวัฒนาเลยจ้า) สภาพป่าที่ชุ่มชื้นตลอดทั้งปี มีร่มไม้ใหญ่ยืนต้นเป็นร่มเงาบังแดดได้รำไร สภาพแวดล้อมเหมาะแก่การปลูกกาแฟสายพันธุ์อาราบิก้าเป็นอย่างยิ่ง เดินขึ้นไปไม่ลึกมาก ก็ถึงไร่กาแฟที่พี่แสนชัยดูแลอยู่ ขนาบสองข้างทางริมทางเดิน มีต้นกาแฟที่ถูกปลูกอย่างรักษาระยะห่างได้อย่างเหมาะสม (ขนาดหลุมปลูกไม่น้อยกว่า 50*50*50 เซนติเมตร และระยะห่างการปลูกระหว่างต้นไม่น้อยกว่า 2*2 เมตร) และบางต้นต้องได้รับการ salon เสริมสวย แต่งตัว อย่างเร่งด่วน เพื่ออายุต้นกาแฟยาวนานขึ้น เพิ่มผลผลิตให้มีคุณภาพดียิ่งขึ้นอีกด้วย
ป่าไม้ปกคลุมพอได้แสงแดดรำไร กาแฟจะดีงามขนาดไหน ไม่ต้องสืบจ้า
เบื้องต้นที่สามารถสังเกตอย่างเห็นได้ชัดคือ หลังจากผ่านฤดูการเก็บผลผลิตไปแล้ว เราควรจะเคลียร์ผลกาแฟที่ยังเหลือค้างต้นให้หมด เพื่อไม่ให้ให้ผลแห้งคาต้น สาเหตุที่ทำให้ต้นกาแฟโทรม และเป็นแหล่งที่อยู่ของมอดเจาะผลกาแฟ! ศัตรูอีกด้วย
การเสริมสวยพื้นฐานคือต้องไม่ให้มีกิ่งก้านสาขาไหนที่แตกออกมาเรี่ยพื้นดิน เพื่อป้องกันศัตรูกาแฟหลายๆ ชนิด เดินขึ้นมาโจมตีต้นได้โดยตรงเลย รวมไปถึงไม่ไประราน ออกกิ่งก้านไปสัมผัสต้นกาแฟข้างๆ เพื่อให้ใบได้สังเคราะห์แสงตามปกติ ไม่ติดกันจนทึบ อากาศไม่ถ่ายเท และคนทำงานอย่างเรา สามารถจัดการไร่กาแฟได้อย่างสะดวกขึ้น สังเกตง่าย ทำงานง่าย แก้ไขปัญหาได้อย่างทันท่วงที รวมไปถึงการตัดแต่งกิ่งให้ต้นกาแฟโปร่งโล่ง ไม่แตกกิ่งออกมาบังกันเองจนทึบ ป้องกันพวกศัตรูพืชต้นกาแฟแอบมาทำรังเนียนๆ
“หมื่อโบ้” (“หมื่อ” เป็นภาษาปกาเกอญอ แปลว่า “น้อง”) แห่ง School Coffee กำลังกำจัดเม็ดดำแห้งคาต้นอยู่พอดีเลย
อีกความรู้ใหม่สำหรับเรา คือการตัดยอดต้นกาแฟไม่ให้มันสูงเกินไป เน้นทำทรงให้เป็นพุ่มแทน จากการที่เราได้เรียนรู้กับเกษตรกรกาแฟ และทีมงาน School Coffee เราจึงได้รู้ว่า ต้นกาแฟที่สูงใหญ่ ไม่ได้แปลว่าจะแข็งแรง อายุยืนเสมอไป เพราะต้นที่สูงใหญ่ เวลาออกผลเยอะๆ ต้นมีสิทธิ์จะโน้มลงมาเพราะน้ำหนักของผลกาแฟที่หนักเกินไป จนเสียรูปทรง รวมไปถึงหากยอดสูงเกินไป จนเราไม่สามารถเก็บผลผลิตได้หมด ก็จะกลับมาปัญหาเดิม คือลูกสุกแห้งคาต้น สาเหตุให้ต้นกาแฟไม่แข็งแรง และเป็นที่อยู่ของพวกมอดเจาะผลกาแฟ
มีภาพสื่อความหมายด้วย ขอบคุณความตั้งใจดีๆ ของทีมงานผู้จัดเลยครับ
ตัดยอดทิ้งไปโลด ไม่ต้องให้สูงเกินไปจ้า เพื่อความแข็งแรงของต้นกาแฟเองด้วย
มาถึงจุดหมายหลักของเรา คือการช่วยเกษตรกรกาแฟหัวใจอินทรีย์ที่กัลยาณิวัฒนาจากปัญหา “มอดเจาะผลกาแฟ” ซึ่งในขวบปีที่ผ่านมาเป็นปัญหาใหญ่มาก เกษตรกรบางท่านสูญเสียผลผลิตมากกว่า 50% ของผลผลิตทั้งปี จึงต้องเร่งแก้ไขอย่างเร่งด่วน พร้อมกับเน้นย้ำจุดยืนของเกษตรกรทุกท่านเหมือนเดิมว่า “การปลูกต้นกาแฟแบบอินทรีย์” มาถูกทางแล้ว
โดยทั่วไป ถ้าเป็นต้นกาแฟในร่มไม้ป่า (Shade-Grown Coffee) จะแทบไม่เจอปัญหาข้างต้น เพราะว่าระบบนิเวศในป่าจะมีการกำจัดเจ้ามอดเจาะผลกาแฟ จากนักล่าชนิดอื่นไปเอง แต่ถ้าเป็นเขตปลูกกาแฟที่อาจไม่ได้ร่มเงามาก หรือบางโซนเป็นเขาหัวโล้น ไม้ป่ายังไม่สูงพอที่จะให้ร่มเงา ก็จะเจอปัญหาดังกล่าวได้มากกว่าปกติ และสูญเสียรายได้จากการปลูกกาแฟโดยใช่เหตุ (ก็เราเคยบอกหลายครั้งแล้วว่า Shade-Grown ดีจริงๆ)
ต้นกาแฟในร่มไม้ป่า Shade-Grown Coffee
มอดเจาะผลกาแฟสามารถอาศัยอยู่ในผลกาแฟตั้งแต่เขียวยังไม่สุกไปจนถึงผลดำแห้งคาต้น โดยวงจรชีวิตเริ่มจากออกจากไข่มาเป็นหนอนกระดึ้บๆ ไปเรื่อยๆ โดยประมาณ 20วัน เข้าสู่ระยะดักแด้ประมาณ 1สัปดาห์ กลายมาเป็นตัวมอด จัดอยู่ในแมลงปีกแข็งขนาดเล็กประมาณ 1.5 – 2 มิลลิเมตร สามารถเคลื่อนที่ไปผลอื่นได้อย่างสบายๆ และแพร่พันธุ์ได้อย่างรวดเร็ว ส่วนมากจะเจาะเข้าผลกาแฟทางสะดือของผล(บริเวณปลายผล) นอกจากผลเสียที่มอดเจาะกาแฟเข้าไปทำลายเนื้อเยื่อในผลกาแฟที่ถูกเจาะแล้วนั้น รูที่มันเจาะเข้าไปสามารถเป็นช่องทางให้แบคทีเรีย หรือเชื้อราชนิดต่างๆ เข้ามาโจมตีซ้ำ สาเหตุหลักทำให้ผลร่วงเสียหาย และอายุต้นกาแฟก็จะสั้นลง กายภาพไม่แข็งแรง ส่งไปถึงผลผลิตที่ได้ออกมาไม่มีคุณภาพอีกด้วย
มอดเจาะผลกาแฟ Credit: https://www.facebook.com/CBB.CMUC1 - สารล่อมอดเจาะผลกาแฟ CMU-C1 ภาควิชากีฏวิทยา และโรคพืช คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
หนึ่งเครื่องมือในการรับมือเจ้ามอดเจาะผลกาแฟคือ “เชื้อรากำจัดแมลง Beauvaria Bassiana (เรียกกันสั้นๆว่า “บิววาเรีย”)” เป็นชีวภัณฑ์ชนิดหนึ่งที่ใช้ในการกำจัดแมลงศัตรูพืช เจ้าเชื้อราชนิดนี้จะมีสปอร์ที่ใช้ขยายพันธุ์ไปจับตัวพวกแมลง เข้าทั้งระบบหายใจ ทางผิวหนัง จนแมลงศัตรูพืชมีอาการอ่อนแอและตายไปในที่สุด ซึ่งไม่ได้มีผลแค่กับมอดเจาะผลกาแฟเพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมไปถึงศัตรูต้นกาแฟอื่นๆ อาทิ เพลี้ย ไรแดง หรือหนอนชนิดอื่นๆ เป็นต้น
การพ่น Beauvaria ควรหลีกเลี่ยงเวลาที่มีแดดจัดด้วยนะ
และอีกหนึ่งเครื่องมือที่เป็นความรู้ใหม่สำหรับเรามากๆ คือการทำ “กับดักมอดเจาะผลกาแฟ” เป็นการใช้เมทิลแอลกอฮอล์ และเอทิลแอลกอฮอล์มาผสมกันเพื่อใช้เป็นกลิ่นล่อให้เจ้ามอดเจาะผลกาแฟเข้ามาติดกับดัก โดยทำจากขวดน้ำพลาสติกขนาด 1ลิตร เจาะรูทั้งสองข้าง ก้นขวดใส่น้ำเปล่าผสมพวกสารลดแรงตึงผิว อาทิ สบู่, ผงซักฟอก ฯลฯ เพื่อเวลาแมลงบินตกลงน้ำไปแล้ว จะได้ไม่สามารถบินขึ้นมาใหม่ได้ไง เฉียบบบ!! สามารถตั้งกับดักมอดเจาะผลกาแฟได้ประมาณ 5-7 จุด ต่อพื้นที่ปลูกกาแฟ 1ไร่
กับดักหน้าตาเป็นแบบนี้แหละ
ทีมงานทุกท่านกำลังช่วยแนะนำ สอนพี่ๆ เกษตรกรทำกับดักกันจ้า
จริงๆ เราควรจะได้พบปะกับเกษตรกรกาแฟมากกว่านี้ แต่ด้วยสถานการณ์โควิดที่ยังไม่หายขาดไปสักที เราเองจึงต้องทำงานกับเกษตรกรด้วยความระมัดระวัง ไม่ประมาท เพื่อให้ทุกคนที่นี่สบายใจที่จะทำงานกับเราด้วย กาแฟที่นี่มีความสวยงามทั้งในเชิงคุณค่าของรสชาติ และคุณค่าของวิถีชีวิตที่ยังเน้นความยั่งยืน อยู่รวมกับธรรมชาติ ไม่ใช้สารเคมีใดๆ เข้ามาเกี่ยวข้อง แม้ว่าเกษตรกรบางท่านจะมีผลผลิตเป็นจำนวนมากจนยากต่อการดูแลในระบบ “วนเกษตรเชิงอินทรีย์” ท้องฟ้าที่นี่จึงยังสวยงาม เหมือนสะท้อนความงามจากธรรมชาติ ระบบนิเวศที่ยังหลากหลาย และเรายังคงนำเสนอความงามเหล่านี้ผ่านมาในรูปแบบกาแฟ “House Blend” เบลนด์หลักของทางร้านที่ใช้กาแฟหลักๆ จากไร่ “พี่แสนชัย อ.กัลยาณิวัฒนา Signature Natural Process” รสชาติเปรี้ยวหวาน ฉูดฉาด แต่กลับบาลานซ์ในตัวเองอย่างไม่น่าเชื่อ คิดถึงกล้วยอบน้ำผึ้ง หวานฉ่ำ แต่ซ่อนเปรี้ยวแบบส้มจี๊ด น้ำกระเจี๊ยบ หรือจะน้ำทับทิมก็คลับคล้ายคลับคลา บอดี้ดีงาม รสสัมผัส Smooth เจอ Milk Chocolate เกรดดีๆ ทิ้งท้ายเป็นอาฟเตอร์เทส
ใช่เลยครับพี่แสนชัยทำ Process ได้ประณีต ดีงาม แต่ต้นทางคือปัจจัยสำคัญเช่นกันที่ขับความสวยงามได้ออกมาดีขนาดนี้ ส่วนหนึ่งคือรสชาติที่ธรรมชาติดีๆ มอบมาให้เราครับ
Vanilla Sky หน้าตาจะประมาณนี้มั้งครับ
แล้วกลับมาพบกับการเดินทางดีๆ แบบนี้ได้เรื่อยๆ เพราะเราเองก็คงยังอยากเก็บประสบการณ์ดีๆ ของคนที่ตั้งใจทำเรื่องดีๆ ให้ทุกท่านได้ทราบ ในคราบอารมณ์มุมมอง แบบสมดุลเรานี่แหละครับ
สุดท้ายนี้ ต้องกราบขอบคุณงามๆ กับ “School Coffee” ร้านกาแฟ โรงคั่ว ฯลฯ (เป็นทุกอย่างให้เธอแล้ว) ที่ชวนเราให้ไปทำกิจกรรมดีๆ จัดทริปสนุกๆ และอยู่เบื้องหลังกาแฟไทยดีๆ อย่างยั่งยืนควบคู่กับป่ามาโดยตลอด รวมไปถึงรูปภาพสวยๆ ในบทความนี้ด้วยจ้า